ความรู้ที่ได้รับ (Story of subject)
→ วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่ม นำเสนอนิทานภาษาอังกฤษ
𝓣𝓸𝓭𝓪𝔂, 𝓽𝓮𝓪𝓬𝓱𝓮𝓻𝓼 𝓲𝓷 𝓮𝓪𝓬𝓱 𝓰𝓻𝓸𝓾𝓹 𝔀𝓲𝓵𝓵 𝓹𝓻𝓮𝓼𝓮𝓷𝓽 𝓔𝓷𝓰𝓵𝓲𝓼𝓱 𝓼𝓽𝓸𝓻𝓲𝓮𝓼 𝓽𝓱𝓪𝓽 𝓱𝓪𝓿𝓮 𝓫𝓮𝓮𝓷 𝓬𝓱𝓸𝓼𝓮𝓷 𝓼𝓲𝓷𝓬𝓮 𝓽𝓱𝓮 𝓹𝓻𝓮𝓿𝓲𝓸𝓾𝓼 𝔀𝓮𝓮𝓴.
ภาพระหว่างการทำงานช่วยกันวาดภาพ เขียนคำนิทาน
กลุ่มที่ 1 นำเสนอนิทานเรื่อง The Bat and the Weasel
➽ A bat that fell onto the ground and was caught by a weasel pleaded to be spared his life. The weasel refused, saying that he was by nature the enemy of all birds. The Bat assured him that he was not a bird, but a mouse, and was then set free. Shortly afterwards, the Bat again fell to the ground and was caught by another weasel, whom he also asked not to eat him. The weasel said that he had a special hostility to mice. The Bat assured him that he was not a mouse, but a bird, and escaped a second time.
➽ ค้างคาวตัวหนึ่งตกลงสู่พื้นและถูกจับโดยตัววีเซิล มันได้อ้อนวอนขอชีวิตของมันแต่ตัววีเซิลปฏิเสธ มันแย้งว่าโดยธรรมชาติของตัวมันแล้วมันเป็นศัตรูกับนกทุกชนิด ค้างคาวซึ่งปฏิเสธกล่าวว่ามันไม่ใช่นกแต่มันเป็นหนูต่างหาก ตัววีเซิลจึงปล่อยมันไป หลังจากนั้นไม่นาน ค้างคาวก็ตกลงมาสู่พื้นอีกครั้ง แล้วถูกจับโดยวีเซิลตัวอื่นๆ มันร้องขอชีวิตอีก แต่วีเซิล ตัวนี้บอกว่า มันเป็นวีเซิลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อหนูมันเลยบอกแก่ตัววีเซิลว่ามันไม่ใช่หนูแต่มันเป็นนกต่างหาก แล้วมันก็รอดชีวิตไปเป็นครั้งที่ 2
กลุ่มที่ 2 นำเสนอนิทานเรื่อง The fox and the grapes
➽ One hot summer’s day a fox was strolling through an orchard till he came to a bunch of Grapes just ripening on a vine which has been trained over a lofty branch. “Just the thing to quench my thirst,” quote he. Drawing back a few paces, he took a run and a jump, and just missed the bunch. Turning round again with a One, Two, Three, he jumped up, but with no greater success. Again and again he tried, but at last had to give up, and walked away with his nose in the air, saying “I am sure they are sour.”
➽ วันหนึ่งในฤดูร้อนอันอบอ้าว หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังเดินอยู่ในสวนผลไม้ จนกระทั่งมาถึงพวงองุ่นพวกหนึ่งซึ่งเพิ่งสุก อยู่บนเถาองุ่นซึ่งพันระโยงระยางอยู่บนกิ่งไม้สูง “ไอ้นี่แหละ มันแก้คอแห้งได้” มันพูด (ว่าแล้ว) มันก็ถอยหลังไปสองสามก้าว, ออกวิ่งแล้วกระโดดขึ้นไป, แต่มันพลาดพวงองุ่นไปนิดเดียว มันหมุนวนกลับ (ตั้งท่ามาที่พวงองุ่น) อีกครั้ง พร้อมกับพูด หนึ่ง, สอง, ซ้ำ, แล้วก็กระโดดขึ้นไป, แต่ก็ไม่ได้ผลดีไปกว่าเดิม มันพยายามแล้วพยายามอีก, แต่ในที่สุดก็ต้องเลิกล้มความคิด, และเดินจากไปเสีย โดยแหงนหน้าสูดกลิ่น และพูดว่า “องุ่นนี้มันเปรี้ยว แหงๆ เลย”
กลุ่มที่ 3 นำเสนอนิทานเรื่อง The Lion and the mouse
➽ Once when a Lion was asleep, a little mouse began running up and down upon him; this soon wakened the Lion, who placed his huge paw upon him, and opened his big jaw to swallow him. Pardon, O King,” cried the little Mouse; forgive me this time, I shall never forget it. Who knows what I may be able to do you a turn some of these days?” The lion was so tickled at the idea of the Mouse being able to help him, that he lifted up his paw and let him go. Sometime after the lion was caught in a trap, and the hunters, who desired to carry him alive to the king, tied him to a tree while they went in search of a waggon to carry him on. Just then the little Mouse happened to pass by, and seeing the sad plight in which the lion was, went up to him and soon gnawed away the ropes that bound the king of the beasts.
➽ คราวหนึ่ง เมื่อราชสีห์ (สิงโต) ตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ หนูเล็กๆ ตัวหนึ่งได้เริ่มวิ่งขึ้นวิ่งลงบนสิงโตตัวนั้น ด้วยเหตุนี้ ไม่ช้าไม่นานสิงโตก็ตื่น และเอาอุ้งมือขนาดใหญ่ตะปบมันไว้ พร้อมอ้าปากกว้างเตรียมขยอกกลืน “ขออภัยโทษเถิดท่านเจ้าป่า หนูตัวเล็กกล่าวเสียงดังฟังชัด ยกโทษให้ข้าพเจ้าสักครั้ง แล้วข้าพเจ้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย ใครจะรู้ ได้ว่าสักวันหนึ่งข้าพเจ้าอาจตอบแทนท่านได้ สิงโตขำมาก เมื่อได้ฟังความคิดของหนู ว่าสามารถจะช่วยตนได้ จึงยกอุ้งมือ (เท้าหน้า) ออกเพื่อปล่อยหนูไป หลังจากนั้นมานานพอดู สิงโตตัวนั้นไปติดกับดัก (ของนายพราน) เข้า ฝ่ายนายพรานซึ่งปรารถนาจะนำไปเป็น เพื่อถวายพระราขา จึงช่วยกันผูกมันไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วพวกเขาก็ไปหารถมาบรรทุก เพื่อบรรทุกมันไป ขณะนั้นเจ้าหนูน้อยบังเอิญผ่านมา และแลเห็นสภาพอันน่าเศร้าของสิงโต จึงเดินเข้าไปใกล้สิงโต แล้วกัดแทะเชือกที่มัดราชาแห่งสัตว์ป่านั้นกระจุยไป
กลุ่มที่ 4 นำเสนอนิทานเรื่อง The Lion and the Goat
➽ One humid day in the summer, a lion and a goat were dying of thirst. Once they found a puddle, they began fighting for the water. They fought and became really tired. After a battle, they laid down for a rest. And then the lion saw vultures were flying circle around in the sky. “I think we better compromise and share the water or we keep fighting until one loses and becomes their food.” said the lion. The goat agreed with the lion, and at the end they share water to drink.
➽ วันหนึ่งท่ามกลางอากาศอันแสนอบอ้าวของฤดูร้อน สิงโตและแพะต่างกระหายน้ำเที่ยวเดินหาน้ำดื่ม จนเดินมาพบกันที่แอ่งน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทั้งสองแย่งกันกินน้ำ จนเกิดทะเลาะ และต่อสู้กันขึ้น ในที่สุด ทั้งสิงโตและแพะก็เหนื่อยหอบด้วยกันทั้งคู่ หลังจากต่อสู้กัน ทั้งคู่ก็นอนหมดเรี่ยวหมดแรง ในขณะที่นอนอยู่นั้น เจ้าสิงโตก็มองเห็นฝูงแร้งกำลังบินคอยท่าอยู่บนฟ้า มันจึงพูดขึ้นว่า “เราควรแบ่งน้ำกันกินดีกว่าต่อสู้กันจนตาย แล้วกลายเป็นอาหารของแร้งนะ” เจ้าแพะเห็นด้วยกับสิงโต ทั้งสองจึงแบ่งน้ำกันกินแต่โดยดี
กลุ่มที่ 5 นำเสนอนิทานเรื่อง The Woodcutter and The Axe
➽ Once there was a poor woodcutter. Every day he went out into the forest to cut wood. He sold the wood he had cut to the villagers, but he very little money for it . One day as he was cutting wood his axe fell into the river.He could not get it out. He called out," Help! Help!" But no one heard him and no one came. Suddenly a boy with wings appeared before him. It was Mercury.God had sent him to help the poor woodcutter. When he heard what had happened to the axe,he jumped into the river and came out with a silver axe in his hand. " Is this your axe ?" he asked " No," said the woodcutter. Then Mercury jumped into the river again.This time he took out a golden axe." Is this your axe ?" he asked." no” said the woodcutter. " My axe is not made of gold or silver.It is made of iron." So Mercury jumped into the river a third time. This time he took out an iron axe.The woodcutter was very glad It was his axe. Then Mercury said ," I see you are an honest man. Here is your iron axe.And I will give you the other two axes, too."
➽ กาลครั้งหนึ่ง มีชายตัดไม้ผู้ยากจนคนหนึ่ง ทุกๆ วัน เจาจะเข้าไปในป่าเพื่อตัดไม้ และขายไม้ที่ตัดได้ให้กับคนในหมู่บ้าน แต่เงินที่ได้จากการขายไม้มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น วันหนึ่งขณะที่เขากำลังตัดไม้อยู่นั้น ขวานที่เขาใช้ตัดไม้เกิดพลัดตกลงไปในแม่น้ำและเขาไม่สามารถเก็บมันขึ้นมาได้ เขาจึงร้องตะโกนออกมาว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องนั้นและเข้ามาช่วย ทันใดนั้นเด็กผู้ชายตัวน้อยมีปีกก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าชายผู้นี้ เขาคือเทพเมอคิวรี่ พระเจ้าได้ส่งเทพเมอคิวรี่เพื่อมาช่วยชายตัดไม้ผู้ยากจน เมื่อเทพเมอคิวรี่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นของชายตัดไม้ ท่านจึงกระโดดลงไปในแม่น้ำและงมหาขวานและกลับขึ้นมาพร้อมกับขวานเงิน ในมือ และเอ๋ยถามชายตัดไม้ว่า “ขวานเล่มนี้เป็นของเจ้าใช่ไหม” ชายตัดไม้ตอบว่า “ไม่ใช่ มันไม่ใช่ขวานของฉัน” จากนั้นเทพเจ้าเมอคิวรี่จึงดำลงไปในแม่น้ำอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ท่านกลับมาพร้อมกับขวานทองและเอ๋ยถามชายตัดไม้ว่า “ขวานเล่มนี้เป็นของเจ้าใช่ไหม” ชายตัดไม้กล่าวตอบว่า “ไม่ใช่ ขวานของฉันนั้นไม่ใช่ขวานทองหรือขวานเงิน แต่มันเป็นขวานเหล็ก” เมื่อเทพเจ้าเมอคิวรี่ได้ยินเช่นนั้นจึงดำลงไปในแม่น้ำอีกเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ท่านมาพร้อมกับขวานเหล็ก ชายตัดไม้ดีใจมากเมื่อได้ขวานของเขากลับคืนมา หลังจากนั้น เทพเจ้าเมอคิวรี่ได้กล่าวกับชายตัดไม้ผู้นี้ว่า “เจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ นี่คือขวานเหล็กของเจ้า และข้าจะมอบขวานทองและขวานเงินให้แก่เจ้าด้วย ”
กลุ่มที่ 6 นำเสนอนิทานเรื่อง The Cow named Moo
➽ Moo escapes from a farm. Moo is hungry. He does not want to eat grass. Moo is looking for McDonald’s. Moo loves cheeseburgers. Moo wants a double cheeseburger and French fries. He saw an advertisement on a billboard. He dreams about it every night.
➽ มูหลบหนีจากฟาร์มแห่งหนึ่ง มูกำลังหิวโหย เขาไม่ต้องการกินหญ้า มูกำลังมองหาแมคโดนัลด์ มูชอบชีสเบอร์เกอร์ มูต้องการดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์ และมันฝรั่งทอด เขาเห็นโฆษณาบนป้ายใหญ่ เขาฝันเห็นมันทุกคืน
กลุ่มที่ 7 นำเสนอนิทานเรื่องThe Hares and the Frogs
➽ The Hares, persecuted by the other beasts and afraid even of their own shadows, had a council to decide what to do.The conclusion they came to was to die rather than live on with this shame.So, they went to a pond, determined to drown themselves. But when they were just about to jump, some Frogs who had been sitting on a water lily, startled by the noise they made, rushed to the deep water for safety.“Look,” cried a Hare, “there are creatures who are even afraid of us, so things are not so bad, after all. We don’t need to die any more.”
➽ กระต่ายป่าฝูงหนึ่งถูกเหล่าสัตว์ป่ากลั่นแกล้ง และมีความหวาดกลัวต่อสิ่งต่างๆ อย่างมาก แม้แต่เห็นเงาของพวกตัวเองก็ยังกลัว พวกมันได้ปรึกษาหารือกันว่าควรทำอย่างไร ที่ประชุมลงมติว่าพวกมันควรตายเสียดีกว่าที่จะอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจเช่นนี้ เมื่อคิดเช่นนั้นฝูงกระต่ายเหล่านั้นจึงไปยังสระน้ำ เพื่อกระโดดน้ำตาย แต่เมื่อพวกมันกระโดดลงไปในน้ำ ฝูงกบที่กำลังนั่งอยู่บนดอกบัวพากันตกใจกับเสียงดังจากการกระโดดน้ำของเหล่ากระต่าย พวกมันรีบกระโดดหนีลงไปในน้ำเพื่อความปลอดภัย “ดูนั่นสิ” กระต่ายตัวหนึ่งร้องออกมา “กบพวกนั้นกลัวพวกเราด้วย ทั้งๆ ที่ ไม่เห็นมีอะไรน่าตกใจเลย พวกเราเลิกคิดที่จะตายกันเถอะ”
สิ่งที่ได้จากการเล่านิทาน
1.กล้าแสดงออก ➤ Assertive
2.ฝึกการออกเสียง ท่าทาง น้ำเสียงในการใช้เล่านิทาน ➤ Practice pronunciation, gestures, tone of voice in storytelling.
3.การแบ่งวรรคแบ่งตอนการอ่าน เสียงหนักเสียงเบา ➤ Separating paragraphs in sections Accentuation in reading
4.ได้ฟังนิทานเรื่องต่างๆ เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น ➤ Heard various stories from friends
5.เก็บคำแนะนำเวลาอาจารย์แนะนำทั้งตนเองและเพื่อนมาปรับใช้ ➤ Get good advice from teachers
6.เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ บางคำจากนิทานของเพื่อน ➤ Learn new words from a friend's story.
การประเมิน (Assessment)
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งการเหมาะสม อาจารย์ให้คำแนะนำในการเล่านิทานดีมาก เช่น การออกเสียง การจบประโยค
ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา มีความรับผิดชอบตั้งใจทำงานและนำเสนออาจารย์ครบทุกกลุ่ม
ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา มีความรับผิดชอบต่องานที่อาจารย์มอบหมาย